หาค่า b
b=-2
b=18
แชร์
คัดลอกไปยังคลิปบอร์ดแล้ว
b^{2}-16b-36=0
ลบ 36 จากทั้งสองด้าน
a+b=-16 ab=-36
เมื่อต้องการแก้สมการปัจจัย b^{2}-16b-36 โดยใช้สูตร b^{2}+\left(a+b\right)b+ab=\left(b+a\right)\left(b+b\right) เมื่อต้องการค้นหา a และ b ให้ตั้งค่าระบบเพื่อแก้
1,-36 2,-18 3,-12 4,-9 6,-6
เนื่องจาก ab เป็นค่าลบ a และ b มีสัญลักษณ์ตรงข้ามกัน เนื่องจาก a+b เป็นค่าลบตัวเลขค่าลบมีค่าสัมบูรณ์ที่มากกว่าจำนวนบวก แสดงรายการคู่จำนวนเต็มดังกล่าวทั้งหมดที่ให้ผลิตภัณฑ์ -36
1-36=-35 2-18=-16 3-12=-9 4-9=-5 6-6=0
คำนวณผลรวมสำหรับแต่ละคู่
a=-18 b=2
โซลูชันเป็นคู่ที่จะให้ผลรวม -16
\left(b-18\right)\left(b+2\right)
เขียนนิพจน์แยกตัวประกอบใหม่ \left(b+a\right)\left(b+b\right) โดยใช้ค่าที่ได้รับ
b=18 b=-2
เมื่อต้องการค้นหาโซลูชันสมการให้แก้ไข b-18=0 และ b+2=0
b^{2}-16b-36=0
ลบ 36 จากทั้งสองด้าน
a+b=-16 ab=1\left(-36\right)=-36
เมื่อต้องการแก้สมการ ให้แยกตัวประกอบทางด้านซ้ายมือโดยการจัดกลุ่ม ขั้นแรกต้องเขียนด้านซ้ายมือใหม่เป็น b^{2}+ab+bb-36 เมื่อต้องการค้นหา a และ b ให้ตั้งค่าระบบเพื่อแก้
1,-36 2,-18 3,-12 4,-9 6,-6
เนื่องจาก ab เป็นค่าลบ a และ b มีสัญลักษณ์ตรงข้ามกัน เนื่องจาก a+b เป็นค่าลบตัวเลขค่าลบมีค่าสัมบูรณ์ที่มากกว่าจำนวนบวก แสดงรายการคู่จำนวนเต็มดังกล่าวทั้งหมดที่ให้ผลิตภัณฑ์ -36
1-36=-35 2-18=-16 3-12=-9 4-9=-5 6-6=0
คำนวณผลรวมสำหรับแต่ละคู่
a=-18 b=2
โซลูชันเป็นคู่ที่จะให้ผลรวม -16
\left(b^{2}-18b\right)+\left(2b-36\right)
เขียน b^{2}-16b-36 ใหม่เป็น \left(b^{2}-18b\right)+\left(2b-36\right)
b\left(b-18\right)+2\left(b-18\right)
แยกตัวประกอบ b ในกลุ่มแรกและ 2 ใน
\left(b-18\right)\left(b+2\right)
แยกตัวประกอบของพจน์ร่วม b-18 โดยใช้คุณสมบัติการแจกแจง
b=18 b=-2
เมื่อต้องการค้นหาโซลูชันสมการให้แก้ไข b-18=0 และ b+2=0
b^{2}-16b=36
สมการทั้งหมดของรูปแบบ ax^{2}+bx+c=0 จะสามารถแก้ไขได้โดยใช้สูตรยกกำลัง: \frac{-b±\sqrt{b^{2}-4ac}}{2a} ได้ สูตรยกกำลังจะช่วยให้ได้รับสองผลเฉลย หนึ่งคือเมื่อ ± เป็นบวกและอีกหนึ่งคือเมื่อเป็นลบ
b^{2}-16b-36=36-36
ลบ 36 จากทั้งสองข้างของสมการ
b^{2}-16b-36=0
ลบ 36 จากตัวเองทำให้เหลือ 0
b=\frac{-\left(-16\right)±\sqrt{\left(-16\right)^{2}-4\left(-36\right)}}{2}
สมการนี้อยู่ในรูปมาตรฐาน: ax^{2}+bx+c=0 ใช้ 1 แทน a, -16 แทน b และ -36 แทน c ในสูตรกำลังสอง \frac{-b±\sqrt{b^{2}-4ac}}{2a}
b=\frac{-\left(-16\right)±\sqrt{256-4\left(-36\right)}}{2}
ยกกำลังสอง -16
b=\frac{-\left(-16\right)±\sqrt{256+144}}{2}
คูณ -4 ด้วย -36
b=\frac{-\left(-16\right)±\sqrt{400}}{2}
เพิ่ม 256 ไปยัง 144
b=\frac{-\left(-16\right)±20}{2}
หารากที่สองของ 400
b=\frac{16±20}{2}
ตรงข้ามกับ -16 คือ 16
b=\frac{36}{2}
ตอนนี้ แก้สมการ b=\frac{16±20}{2} เมื่อ ± เป็นบวก เพิ่ม 16 ไปยัง 20
b=18
หาร 36 ด้วย 2
b=-\frac{4}{2}
ตอนนี้ แก้สมการ b=\frac{16±20}{2} เมื่อ ± เป็นลบ ลบ 20 จาก 16
b=-2
หาร -4 ด้วย 2
b=18 b=-2
สมการได้รับการแก้ไขแล้ว
b^{2}-16b=36
สมการกำลังสองเช่นนี้จะสามารถหาค่าได้ ด้วยการทำให้เป็นกำลังสองสมบูรณ์ ในการทำให้เป็นกำลังสองสมบูรณ์ ขั้นแรกสมการต้องอยู่ในรูปแบบ x^{2}+bx=c
b^{2}-16b+\left(-8\right)^{2}=36+\left(-8\right)^{2}
หาร -16 สัมประสิทธิ์ของพจน์ x ด้วย 2 เพื่อรับ -8 จากนั้นเพิ่มกำลังสองของ -8 ไปยังทั้งสองข้างของสมการ ขั้นตอนนี้จะทำให้ด้านซ้ายของสมการเป็นกำลังสองสมบูรณ์
b^{2}-16b+64=36+64
ยกกำลังสอง -8
b^{2}-16b+64=100
เพิ่ม 36 ไปยัง 64
\left(b-8\right)^{2}=100
ตัวประกอบb^{2}-16b+64 โดยทั่วไป แล้ว เมื่อx^{2}+bx+cเป็นกําลังสองสมบูรณ์ จะสามารถแยกตัวประกอบเป็น\left(x+\frac{b}{2}\right)^{2}ได้เสมอ
\sqrt{\left(b-8\right)^{2}}=\sqrt{100}
หารากที่สองของทั้งสองข้างของสมการ
b-8=10 b-8=-10
ทำให้ง่ายขึ้น
b=18 b=-2
เพิ่ม 8 ไปยังทั้งสองข้างของสมการ
ตัวอย่าง
สมการกำลังสอง
{ x } ^ { 2 } - 4 x - 5 = 0
ตรีโกณมิติ
4 \sin \theta \cos \theta = 2 \sin \theta
สมการเชิงเส้น
y = 3x + 4
เลขคณิต
699 * 533
เมทริกซ์
\left[ \begin{array} { l l } { 2 } & { 3 } \\ { 5 } & { 4 } \end{array} \right] \left[ \begin{array} { l l l } { 2 } & { 0 } & { 3 } \\ { -1 } & { 1 } & { 5 } \end{array} \right]
สมการหลายชั้น
\left. \begin{cases} { 8x+2y = 46 } \\ { 7x+3y = 47 } \end{cases} \right.
การหาอนุพันธ์
\frac { d } { d x } \frac { ( 3 x ^ { 2 } - 2 ) } { ( x - 5 ) }
การหาปริพันธ์
\int _ { 0 } ^ { 1 } x e ^ { - x ^ { 2 } } d x
ลิมิต
\lim _{x \rightarrow-3} \frac{x^{2}-9}{x^{2}+2 x-3}