หาค่า n
n=\frac{\sqrt{10}+1}{9}\approx 0.462475296
n=\frac{1-\sqrt{10}}{9}\approx -0.240253073
แชร์
คัดลอกไปยังคลิปบอร์ดแล้ว
8n^{2}-4\left(1-2n\right)\left(2+8n\right)=0
คูณ -1 และ 4 เพื่อรับ -4
8n^{2}+\left(-4+8n\right)\left(2+8n\right)=0
ใช้คุณสมบัติการแจกแจงเพื่อคูณ -4 ด้วย 1-2n
8n^{2}-8-16n+64n^{2}=0
ใช้คุณสมบัติการแจกแจงเพื่อคูณ -4+8n ด้วย 2+8n และรวมพจน์ที่เหมือนกัน
72n^{2}-8-16n=0
รวม 8n^{2} และ 64n^{2} เพื่อให้ได้รับ 72n^{2}
72n^{2}-16n-8=0
สมการทั้งหมดของรูปแบบ ax^{2}+bx+c=0 จะสามารถแก้ไขได้โดยใช้สูตรยกกำลัง: \frac{-b±\sqrt{b^{2}-4ac}}{2a} ได้ สูตรยกกำลังจะช่วยให้ได้รับสองผลเฉลย หนึ่งคือเมื่อ ± เป็นบวกและอีกหนึ่งคือเมื่อเป็นลบ
n=\frac{-\left(-16\right)±\sqrt{\left(-16\right)^{2}-4\times 72\left(-8\right)}}{2\times 72}
สมการนี้อยู่ในรูปมาตรฐาน: ax^{2}+bx+c=0 ใช้ 72 แทน a, -16 แทน b และ -8 แทน c ในสูตรกำลังสอง \frac{-b±\sqrt{b^{2}-4ac}}{2a}
n=\frac{-\left(-16\right)±\sqrt{256-4\times 72\left(-8\right)}}{2\times 72}
ยกกำลังสอง -16
n=\frac{-\left(-16\right)±\sqrt{256-288\left(-8\right)}}{2\times 72}
คูณ -4 ด้วย 72
n=\frac{-\left(-16\right)±\sqrt{256+2304}}{2\times 72}
คูณ -288 ด้วย -8
n=\frac{-\left(-16\right)±\sqrt{2560}}{2\times 72}
เพิ่ม 256 ไปยัง 2304
n=\frac{-\left(-16\right)±16\sqrt{10}}{2\times 72}
หารากที่สองของ 2560
n=\frac{16±16\sqrt{10}}{2\times 72}
ตรงข้ามกับ -16 คือ 16
n=\frac{16±16\sqrt{10}}{144}
คูณ 2 ด้วย 72
n=\frac{16\sqrt{10}+16}{144}
ตอนนี้ แก้สมการ n=\frac{16±16\sqrt{10}}{144} เมื่อ ± เป็นบวก เพิ่ม 16 ไปยัง 16\sqrt{10}
n=\frac{\sqrt{10}+1}{9}
หาร 16+16\sqrt{10} ด้วย 144
n=\frac{16-16\sqrt{10}}{144}
ตอนนี้ แก้สมการ n=\frac{16±16\sqrt{10}}{144} เมื่อ ± เป็นลบ ลบ 16\sqrt{10} จาก 16
n=\frac{1-\sqrt{10}}{9}
หาร 16-16\sqrt{10} ด้วย 144
n=\frac{\sqrt{10}+1}{9} n=\frac{1-\sqrt{10}}{9}
สมการได้รับการแก้ไขแล้ว
8n^{2}-4\left(1-2n\right)\left(2+8n\right)=0
คูณ -1 และ 4 เพื่อรับ -4
8n^{2}+\left(-4+8n\right)\left(2+8n\right)=0
ใช้คุณสมบัติการแจกแจงเพื่อคูณ -4 ด้วย 1-2n
8n^{2}-8-16n+64n^{2}=0
ใช้คุณสมบัติการแจกแจงเพื่อคูณ -4+8n ด้วย 2+8n และรวมพจน์ที่เหมือนกัน
72n^{2}-8-16n=0
รวม 8n^{2} และ 64n^{2} เพื่อให้ได้รับ 72n^{2}
72n^{2}-16n=8
เพิ่ม 8 ไปทั้งสองด้าน สิ่งใดบวกกับศูนย์จะได้ผลเป็นตัวเอง
\frac{72n^{2}-16n}{72}=\frac{8}{72}
หารทั้งสองข้างด้วย 72
n^{2}+\left(-\frac{16}{72}\right)n=\frac{8}{72}
หารด้วย 72 เลิกทำการคูณด้วย 72
n^{2}-\frac{2}{9}n=\frac{8}{72}
ทำเศษส่วน \frac{-16}{72} ให้เป็นพจน์ต่ำสุดโดยลดทอนด้วย 8
n^{2}-\frac{2}{9}n=\frac{1}{9}
ทำเศษส่วน \frac{8}{72} ให้เป็นพจน์ต่ำสุดโดยลดทอนด้วย 8
n^{2}-\frac{2}{9}n+\left(-\frac{1}{9}\right)^{2}=\frac{1}{9}+\left(-\frac{1}{9}\right)^{2}
หาร -\frac{2}{9} สัมประสิทธิ์ของพจน์ x ด้วย 2 เพื่อรับ -\frac{1}{9} จากนั้นเพิ่มกำลังสองของ -\frac{1}{9} ไปยังทั้งสองข้างของสมการ ขั้นตอนนี้จะทำให้ด้านซ้ายของสมการเป็นกำลังสองสมบูรณ์
n^{2}-\frac{2}{9}n+\frac{1}{81}=\frac{1}{9}+\frac{1}{81}
ยกกำลังสอง -\frac{1}{9} โดยยกกำลังสองทั้งตัวเศษและตัวส่วนของเศษส่วน
n^{2}-\frac{2}{9}n+\frac{1}{81}=\frac{10}{81}
เพิ่ม \frac{1}{9} ไปยัง \frac{1}{81} ด้วยการค้นหาตัวส่วนทั่วไปและเพิ่มตัวเศษ แล้ว ลดเศษส่วนให้เป็นพจน์ต่ำที่สุดถ้าเป็นไปได้
\left(n-\frac{1}{9}\right)^{2}=\frac{10}{81}
ตัวประกอบn^{2}-\frac{2}{9}n+\frac{1}{81} โดยทั่วไป แล้ว เมื่อx^{2}+bx+cเป็นกําลังสองสมบูรณ์ จะสามารถแยกตัวประกอบเป็น\left(x+\frac{b}{2}\right)^{2}ได้เสมอ
\sqrt{\left(n-\frac{1}{9}\right)^{2}}=\sqrt{\frac{10}{81}}
หารากที่สองของทั้งสองข้างของสมการ
n-\frac{1}{9}=\frac{\sqrt{10}}{9} n-\frac{1}{9}=-\frac{\sqrt{10}}{9}
ทำให้ง่ายขึ้น
n=\frac{\sqrt{10}+1}{9} n=\frac{1-\sqrt{10}}{9}
เพิ่ม \frac{1}{9} ไปยังทั้งสองข้างของสมการ
ตัวอย่าง
สมการกำลังสอง
{ x } ^ { 2 } - 4 x - 5 = 0
ตรีโกณมิติ
4 \sin \theta \cos \theta = 2 \sin \theta
สมการเชิงเส้น
y = 3x + 4
เลขคณิต
699 * 533
เมทริกซ์
\left[ \begin{array} { l l } { 2 } & { 3 } \\ { 5 } & { 4 } \end{array} \right] \left[ \begin{array} { l l l } { 2 } & { 0 } & { 3 } \\ { -1 } & { 1 } & { 5 } \end{array} \right]
สมการหลายชั้น
\left. \begin{cases} { 8x+2y = 46 } \\ { 7x+3y = 47 } \end{cases} \right.
การหาอนุพันธ์
\frac { d } { d x } \frac { ( 3 x ^ { 2 } - 2 ) } { ( x - 5 ) }
การหาปริพันธ์
\int _ { 0 } ^ { 1 } x e ^ { - x ^ { 2 } } d x
ลิมิต
\lim _{x \rightarrow-3} \frac{x^{2}-9}{x^{2}+2 x-3}