ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก
หาค่า a, b
Tick mark Image

โจทย์ปัญหาที่คล้ายคลึงกันจากการค้นหาในเว็บ

แชร์

11a-5b=48
พิจารณาสมการแรก ลบ 5b จากทั้งสองด้าน
7a-13b=-840
พิจารณาสมการที่สอง ลบ 13b จากทั้งสองด้าน
11a-5b=48,7a-13b=-840
เมื่อต้องการแก้คู่สมการที่ใช้ตัวทดแทน ขั้นแรก หาค่าสมการหนึ่งในสมการของหนึ่งในตัวแปร จากนั้น แทนค่าผลลัพธ์ของตัวแปรที่อยู่ในอีกสมการหนึ่ง
11a-5b=48
เลือกสมการหนึ่งสมการ และหาค่าสำหรับ a โดยแยก a ทางด้านซ้ายของเครื่องหมายเท่ากับ
11a=5b+48
เพิ่ม 5b ไปยังทั้งสองข้างของสมการ
a=\frac{1}{11}\left(5b+48\right)
หารทั้งสองข้างด้วย 11
a=\frac{5}{11}b+\frac{48}{11}
คูณ \frac{1}{11} ด้วย 5b+48
7\left(\frac{5}{11}b+\frac{48}{11}\right)-13b=-840
ทดแทน \frac{5b+48}{11} สำหรับ a ในอีกสมการหนึ่ง 7a-13b=-840
\frac{35}{11}b+\frac{336}{11}-13b=-840
คูณ 7 ด้วย \frac{5b+48}{11}
-\frac{108}{11}b+\frac{336}{11}=-840
เพิ่ม \frac{35b}{11} ไปยัง -13b
-\frac{108}{11}b=-\frac{9576}{11}
ลบ \frac{336}{11} จากทั้งสองข้างของสมการ
b=\frac{266}{3}
หารทั้งสองข้างของสมการด้วย -\frac{108}{11} ซึ่งเหมือนกับการคูณทั้งสองข้างด้วยส่วนกลับของเศษส่วน
a=\frac{5}{11}\times \frac{266}{3}+\frac{48}{11}
ทดแทน \frac{266}{3} สำหรับ b ใน a=\frac{5}{11}b+\frac{48}{11} เนื่องจากสมการเป็นผลลัพธ์ประกอบด้วยตัวแปรเดียว คุณสามารถหาค่า a โดยตรงได้
a=\frac{1330}{33}+\frac{48}{11}
คูณ \frac{5}{11} ครั้ง \frac{266}{3} โดยการคูณเศษด้วยเศษและคูณตัวส่วนด้วยส่วน แล้วลดเศษส่วนให้เป็นพจน์ต่ำสุดถ้าเป็นไปได้
a=\frac{134}{3}
เพิ่ม \frac{48}{11} ไปยัง \frac{1330}{33} ด้วยการค้นหาตัวส่วนทั่วไปและเพิ่มตัวเศษ แล้ว ลดเศษส่วนให้เป็นพจน์ต่ำที่สุดถ้าเป็นไปได้
a=\frac{134}{3},b=\frac{266}{3}
ระบบถูกแก้แล้วในขณะนี้
11a-5b=48
พิจารณาสมการแรก ลบ 5b จากทั้งสองด้าน
7a-13b=-840
พิจารณาสมการที่สอง ลบ 13b จากทั้งสองด้าน
11a-5b=48,7a-13b=-840
ทำสมการให้อยู่ในรูปแบบมาตรฐาน จากนั้นใช้เมทริกซ์แก้ระบบสมการ
\left(\begin{matrix}11&-5\\7&-13\end{matrix}\right)\left(\begin{matrix}a\\b\end{matrix}\right)=\left(\begin{matrix}48\\-840\end{matrix}\right)
เขียนสมการในรูปแบบเมทริกซ์
inverse(\left(\begin{matrix}11&-5\\7&-13\end{matrix}\right))\left(\begin{matrix}11&-5\\7&-13\end{matrix}\right)\left(\begin{matrix}a\\b\end{matrix}\right)=inverse(\left(\begin{matrix}11&-5\\7&-13\end{matrix}\right))\left(\begin{matrix}48\\-840\end{matrix}\right)
คูณซ้ายสมการโดยเมทริกซ์ผกผันของ \left(\begin{matrix}11&-5\\7&-13\end{matrix}\right)
\left(\begin{matrix}1&0\\0&1\end{matrix}\right)\left(\begin{matrix}a\\b\end{matrix}\right)=inverse(\left(\begin{matrix}11&-5\\7&-13\end{matrix}\right))\left(\begin{matrix}48\\-840\end{matrix}\right)
ผลคูณของเมทริกซ์และค่าผกผันของเมทริกซ์คือเมทริกซ์เอกลักษณ์
\left(\begin{matrix}a\\b\end{matrix}\right)=inverse(\left(\begin{matrix}11&-5\\7&-13\end{matrix}\right))\left(\begin{matrix}48\\-840\end{matrix}\right)
คูณเมทริกซ์ทางด้านซ้ายของเครื่องหมายเท่ากับ
\left(\begin{matrix}a\\b\end{matrix}\right)=\left(\begin{matrix}-\frac{13}{11\left(-13\right)-\left(-5\times 7\right)}&-\frac{-5}{11\left(-13\right)-\left(-5\times 7\right)}\\-\frac{7}{11\left(-13\right)-\left(-5\times 7\right)}&\frac{11}{11\left(-13\right)-\left(-5\times 7\right)}\end{matrix}\right)\left(\begin{matrix}48\\-840\end{matrix}\right)
สําหรับเมทริกซ์ 2\times 2 \left(\begin{matrix}a&b\\c&d\end{matrix}\right) เมทริกซ์ผกผันคือ \left(\begin{matrix}\frac{d}{ad-bc}&\frac{-b}{ad-bc}\\\frac{-c}{ad-bc}&\frac{a}{ad-bc}\end{matrix}\right) ดังนั้นสมการเมทริกซ์สามารถเขียนใหม่เป็นปัญหาการคูณเมทริกซ์ได้
\left(\begin{matrix}a\\b\end{matrix}\right)=\left(\begin{matrix}\frac{13}{108}&-\frac{5}{108}\\\frac{7}{108}&-\frac{11}{108}\end{matrix}\right)\left(\begin{matrix}48\\-840\end{matrix}\right)
ดำเนินการทางคณิตศาสตร์
\left(\begin{matrix}a\\b\end{matrix}\right)=\left(\begin{matrix}\frac{13}{108}\times 48-\frac{5}{108}\left(-840\right)\\\frac{7}{108}\times 48-\frac{11}{108}\left(-840\right)\end{matrix}\right)
คูณเมทริกซ์
\left(\begin{matrix}a\\b\end{matrix}\right)=\left(\begin{matrix}\frac{134}{3}\\\frac{266}{3}\end{matrix}\right)
ดำเนินการทางคณิตศาสตร์
a=\frac{134}{3},b=\frac{266}{3}
แยกเมทริกซ์องค์ประกอบ a และ b
11a-5b=48
พิจารณาสมการแรก ลบ 5b จากทั้งสองด้าน
7a-13b=-840
พิจารณาสมการที่สอง ลบ 13b จากทั้งสองด้าน
11a-5b=48,7a-13b=-840
เพื่อที่จะแก้ไขได้โดยการตัดออก สัมประสิทธิ์ของตัวแปรหนึ่งต้องเหมือนกันในทั้งสองสมการเพื่อให้ตัวแปรถูกตัดเมื่อสมการหนึ่งถูกลบออกจากอีกสมการ
7\times 11a+7\left(-5\right)b=7\times 48,11\times 7a+11\left(-13\right)b=11\left(-840\right)
เพื่อทำให้ 11a และ 7a เท่ากัน คูณพจน์ทั้งหมดบนแต่ละข้างของสมการแรกด้วย 7 และพจน์ทั้งหมดในแต่ละด้านของสมการที่สองด้วย 11
77a-35b=336,77a-143b=-9240
ทำให้ง่ายขึ้น
77a-77a-35b+143b=336+9240
ลบ 77a-143b=-9240 จาก 77a-35b=336 โดยลบพจน์ที่เหมือนกันบนแต่ละข้างของเครื่องหมายเท่ากับ
-35b+143b=336+9240
เพิ่ม 77a ไปยัง -77a ตัดพจน์ 77a และ -77a ทำให้สมการเหลือตัวแปรเดียวเท่านั้นที่สามารถแก้ไขได้
108b=336+9240
เพิ่ม -35b ไปยัง 143b
108b=9576
เพิ่ม 336 ไปยัง 9240
b=\frac{266}{3}
หารทั้งสองข้างด้วย 108
7a-13\times \frac{266}{3}=-840
ทดแทน \frac{266}{3} สำหรับ b ใน 7a-13b=-840 เนื่องจากสมการเป็นผลลัพธ์ประกอบด้วยตัวแปรเดียว คุณสามารถหาค่า a โดยตรงได้
7a-\frac{3458}{3}=-840
คูณ -13 ด้วย \frac{266}{3}
7a=\frac{938}{3}
เพิ่ม \frac{3458}{3} ไปยังทั้งสองข้างของสมการ
a=\frac{134}{3}
หารทั้งสองข้างด้วย 7
a=\frac{134}{3},b=\frac{266}{3}
ระบบถูกแก้แล้วในขณะนี้