หาค่า x
x=-56
x=42
กราฟ
แชร์
คัดลอกไปยังคลิปบอร์ดแล้ว
\left(x+14\right)\times 168-x\times 168=x\left(x+14\right)
ตัวแปร x ไม่สามารถเท่ากับค่า -14,0 เนื่องจากไม่ได้กำหนดให้หารด้วยศูนย์ได้ คูณทั้งสองข้างของสมการด้วย x\left(x+14\right) ตัวคูณร่วมน้อยของ x,x+14
168x+2352-x\times 168=x\left(x+14\right)
ใช้คุณสมบัติการแจกแจงเพื่อคูณ x+14 ด้วย 168
168x+2352-x\times 168=x^{2}+14x
ใช้คุณสมบัติการแจกแจงเพื่อคูณ x ด้วย x+14
168x+2352-x\times 168-x^{2}=14x
ลบ x^{2} จากทั้งสองด้าน
168x+2352-x\times 168-x^{2}-14x=0
ลบ 14x จากทั้งสองด้าน
154x+2352-x\times 168-x^{2}=0
รวม 168x และ -14x เพื่อให้ได้รับ 154x
154x+2352-168x-x^{2}=0
คูณ -1 และ 168 เพื่อรับ -168
-14x+2352-x^{2}=0
รวม 154x และ -168x เพื่อให้ได้รับ -14x
-x^{2}-14x+2352=0
จัดเรียงพหุนามให้อยู่ในรูปแบบมาตรฐาน วางตามลำดับจากดีกรีที่มากที่สุดไปหาน้อยที่สุด
a+b=-14 ab=-2352=-2352
เมื่อต้องการแก้สมการ ให้แยกตัวประกอบทางด้านซ้ายมือโดยการจัดกลุ่ม ขั้นแรกต้องเขียนด้านซ้ายมือใหม่เป็น -x^{2}+ax+bx+2352 เมื่อต้องการค้นหา a และ b ให้ตั้งค่าระบบเพื่อแก้
1,-2352 2,-1176 3,-784 4,-588 6,-392 7,-336 8,-294 12,-196 14,-168 16,-147 21,-112 24,-98 28,-84 42,-56 48,-49
เนื่องจาก ab เป็นค่าลบ a และ b มีสัญลักษณ์ตรงข้ามกัน เนื่องจาก a+b เป็นค่าลบตัวเลขค่าลบมีค่าสัมบูรณ์ที่มากกว่าจำนวนบวก แสดงรายการคู่จำนวนเต็มดังกล่าวทั้งหมดที่ให้ผลิตภัณฑ์ -2352
1-2352=-2351 2-1176=-1174 3-784=-781 4-588=-584 6-392=-386 7-336=-329 8-294=-286 12-196=-184 14-168=-154 16-147=-131 21-112=-91 24-98=-74 28-84=-56 42-56=-14 48-49=-1
คำนวณผลรวมสำหรับแต่ละคู่
a=42 b=-56
โซลูชันเป็นคู่ที่จะให้ผลรวม -14
\left(-x^{2}+42x\right)+\left(-56x+2352\right)
เขียน -x^{2}-14x+2352 ใหม่เป็น \left(-x^{2}+42x\right)+\left(-56x+2352\right)
x\left(-x+42\right)+56\left(-x+42\right)
แยกตัวประกอบ x ในกลุ่มแรกและ 56 ใน
\left(-x+42\right)\left(x+56\right)
แยกตัวประกอบของพจน์ร่วม -x+42 โดยใช้คุณสมบัติการแจกแจง
x=42 x=-56
เมื่อต้องการค้นหาโซลูชันสมการให้แก้ไข -x+42=0 และ x+56=0
\left(x+14\right)\times 168-x\times 168=x\left(x+14\right)
ตัวแปร x ไม่สามารถเท่ากับค่า -14,0 เนื่องจากไม่ได้กำหนดให้หารด้วยศูนย์ได้ คูณทั้งสองข้างของสมการด้วย x\left(x+14\right) ตัวคูณร่วมน้อยของ x,x+14
168x+2352-x\times 168=x\left(x+14\right)
ใช้คุณสมบัติการแจกแจงเพื่อคูณ x+14 ด้วย 168
168x+2352-x\times 168=x^{2}+14x
ใช้คุณสมบัติการแจกแจงเพื่อคูณ x ด้วย x+14
168x+2352-x\times 168-x^{2}=14x
ลบ x^{2} จากทั้งสองด้าน
168x+2352-x\times 168-x^{2}-14x=0
ลบ 14x จากทั้งสองด้าน
154x+2352-x\times 168-x^{2}=0
รวม 168x และ -14x เพื่อให้ได้รับ 154x
154x+2352-168x-x^{2}=0
คูณ -1 และ 168 เพื่อรับ -168
-14x+2352-x^{2}=0
รวม 154x และ -168x เพื่อให้ได้รับ -14x
-x^{2}-14x+2352=0
สมการทั้งหมดของรูปแบบ ax^{2}+bx+c=0 จะสามารถแก้ไขได้โดยใช้สูตรยกกำลัง: \frac{-b±\sqrt{b^{2}-4ac}}{2a} ได้ สูตรยกกำลังจะช่วยให้ได้รับสองผลเฉลย หนึ่งคือเมื่อ ± เป็นบวกและอีกหนึ่งคือเมื่อเป็นลบ
x=\frac{-\left(-14\right)±\sqrt{\left(-14\right)^{2}-4\left(-1\right)\times 2352}}{2\left(-1\right)}
สมการนี้อยู่ในรูปมาตรฐาน: ax^{2}+bx+c=0 ใช้ -1 แทน a, -14 แทน b และ 2352 แทน c ในสูตรกำลังสอง \frac{-b±\sqrt{b^{2}-4ac}}{2a}
x=\frac{-\left(-14\right)±\sqrt{196-4\left(-1\right)\times 2352}}{2\left(-1\right)}
ยกกำลังสอง -14
x=\frac{-\left(-14\right)±\sqrt{196+4\times 2352}}{2\left(-1\right)}
คูณ -4 ด้วย -1
x=\frac{-\left(-14\right)±\sqrt{196+9408}}{2\left(-1\right)}
คูณ 4 ด้วย 2352
x=\frac{-\left(-14\right)±\sqrt{9604}}{2\left(-1\right)}
เพิ่ม 196 ไปยัง 9408
x=\frac{-\left(-14\right)±98}{2\left(-1\right)}
หารากที่สองของ 9604
x=\frac{14±98}{2\left(-1\right)}
ตรงข้ามกับ -14 คือ 14
x=\frac{14±98}{-2}
คูณ 2 ด้วย -1
x=\frac{112}{-2}
ตอนนี้ แก้สมการ x=\frac{14±98}{-2} เมื่อ ± เป็นบวก เพิ่ม 14 ไปยัง 98
x=-56
หาร 112 ด้วย -2
x=-\frac{84}{-2}
ตอนนี้ แก้สมการ x=\frac{14±98}{-2} เมื่อ ± เป็นลบ ลบ 98 จาก 14
x=42
หาร -84 ด้วย -2
x=-56 x=42
สมการได้รับการแก้ไขแล้ว
\left(x+14\right)\times 168-x\times 168=x\left(x+14\right)
ตัวแปร x ไม่สามารถเท่ากับค่า -14,0 เนื่องจากไม่ได้กำหนดให้หารด้วยศูนย์ได้ คูณทั้งสองข้างของสมการด้วย x\left(x+14\right) ตัวคูณร่วมน้อยของ x,x+14
168x+2352-x\times 168=x\left(x+14\right)
ใช้คุณสมบัติการแจกแจงเพื่อคูณ x+14 ด้วย 168
168x+2352-x\times 168=x^{2}+14x
ใช้คุณสมบัติการแจกแจงเพื่อคูณ x ด้วย x+14
168x+2352-x\times 168-x^{2}=14x
ลบ x^{2} จากทั้งสองด้าน
168x+2352-x\times 168-x^{2}-14x=0
ลบ 14x จากทั้งสองด้าน
154x+2352-x\times 168-x^{2}=0
รวม 168x และ -14x เพื่อให้ได้รับ 154x
154x-x\times 168-x^{2}=-2352
ลบ 2352 จากทั้งสองด้าน สิ่งใดลบออกจากศูนย์จะได้ผลเป็นตัวเองที่เป็นค่าลบ
154x-168x-x^{2}=-2352
คูณ -1 และ 168 เพื่อรับ -168
-14x-x^{2}=-2352
รวม 154x และ -168x เพื่อให้ได้รับ -14x
-x^{2}-14x=-2352
สมการกำลังสองเช่นนี้จะสามารถหาค่าได้ ด้วยการทำให้เป็นกำลังสองสมบูรณ์ ในการทำให้เป็นกำลังสองสมบูรณ์ ขั้นแรกสมการต้องอยู่ในรูปแบบ x^{2}+bx=c
\frac{-x^{2}-14x}{-1}=-\frac{2352}{-1}
หารทั้งสองข้างด้วย -1
x^{2}+\left(-\frac{14}{-1}\right)x=-\frac{2352}{-1}
หารด้วย -1 เลิกทำการคูณด้วย -1
x^{2}+14x=-\frac{2352}{-1}
หาร -14 ด้วย -1
x^{2}+14x=2352
หาร -2352 ด้วย -1
x^{2}+14x+7^{2}=2352+7^{2}
หาร 14 สัมประสิทธิ์ของพจน์ x ด้วย 2 เพื่อรับ 7 จากนั้นเพิ่มกำลังสองของ 7 ไปยังทั้งสองข้างของสมการ ขั้นตอนนี้จะทำให้ด้านซ้ายของสมการเป็นกำลังสองสมบูรณ์
x^{2}+14x+49=2352+49
ยกกำลังสอง 7
x^{2}+14x+49=2401
เพิ่ม 2352 ไปยัง 49
\left(x+7\right)^{2}=2401
ตัวประกอบx^{2}+14x+49 โดยทั่วไป แล้ว เมื่อx^{2}+bx+cเป็นกําลังสองสมบูรณ์ จะสามารถแยกตัวประกอบเป็น\left(x+\frac{b}{2}\right)^{2}ได้เสมอ
\sqrt{\left(x+7\right)^{2}}=\sqrt{2401}
หารากที่สองของทั้งสองข้างของสมการ
x+7=49 x+7=-49
ทำให้ง่ายขึ้น
x=42 x=-56
ลบ 7 จากทั้งสองข้างของสมการ
ตัวอย่าง
สมการกำลังสอง
{ x } ^ { 2 } - 4 x - 5 = 0
ตรีโกณมิติ
4 \sin \theta \cos \theta = 2 \sin \theta
สมการเชิงเส้น
y = 3x + 4
เลขคณิต
699 * 533
เมทริกซ์
\left[ \begin{array} { l l } { 2 } & { 3 } \\ { 5 } & { 4 } \end{array} \right] \left[ \begin{array} { l l l } { 2 } & { 0 } & { 3 } \\ { -1 } & { 1 } & { 5 } \end{array} \right]
สมการหลายชั้น
\left. \begin{cases} { 8x+2y = 46 } \\ { 7x+3y = 47 } \end{cases} \right.
การหาอนุพันธ์
\frac { d } { d x } \frac { ( 3 x ^ { 2 } - 2 ) } { ( x - 5 ) }
การหาปริพันธ์
\int _ { 0 } ^ { 1 } x e ^ { - x ^ { 2 } } d x
ลิมิต
\lim _{x \rightarrow-3} \frac{x^{2}-9}{x^{2}+2 x-3}